ลาวฮิงญา
“ลาวฮิงญา”
(ตอนที่เขียนเรื่องนี้ไม่ได้โหนกระแสแต่อย่างใด)
มีโอกาส ได้ใช้บริการ รฟท. รถไฟไทยแลนด์ เลยนึกถึง เรื่องราว ของสองพี่น้องชาวลาว
ที่แอบเข้าเมืองมาทำงาน
เมื่อหลายปีก่อน
ความจน ความอยากได้อยากมี บังคับให้ทำทุกอย่าง กระเสือกกระสน
เพื่อปากท้อง
ความอยู่รอด ของตัวเองและครอบครัว พี่น้องชาวลาวสองคนนี้ ก็เช่นกัน
ผมขึ้นรถไฟ สาย หนองคาย-กรุงเทพ เพื่อโดยสารมาลงที่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น
เป็นประจำทุกอาทิตย์
แต่มีอยู่วันหนึ่ง รู้สึกผิดปกติมากที่สุด ตม. ตำรวจรถไฟ คุมเข้มมาก
จากที่เคยซื้อตั๋ว ไม่ต้องใช้บัตร ประชาชน แต่วันนี้ ต้องยื่นบัตร เกิดอะไรขึ้น?
ผมไม่มีปัญหาครับ จัดแจงโชว์บัตรนักศึกษา เอร๊ยยย บัตร ปชช.
ตามที่เขาร้องขอ ค่าโดยสาร 18 บาท.-
ได้ที่นั่ง ผมก็ควัก วรรณกรรม “แฮรี่พอตเต้ย” มาอ่านแก้เซ็ง รอเวลารถออก
ไม่นานครับ สำเนียงคุ้นหู “ภาษาลาว” กระแทกหูเข้าอย่างจัง เบาะฝั่งตรงข้าม
เขาคุยกันเบาๆสองคน
แต่ ผมเจือก ได้ยิน แล้วเสียงหนึ่งก็ทักผม น้ำเสียงเป็นมิตร
“อ๊ายๆเจ๊าอ้านปึ้มหยัง?”...........(พี่ครับ
พี่อ่านหนังสือเรื่องอะไร)
“ออ!! แฮรี่พอตเตอร์ ครับ”
พี่ตอบแบบขอไปที (อย่ายุ่งก่ากรุแสรดดด กำลังหนุก)
“แนวได๋อ๊าย” .....(อ่าว ไอ่นี่ชวนคุย ท่าทางไม่รู้จักแฮรี่ พอตเต้ย)..
เอาว่ะ มา..คุยกัน เมิง จะเอายังไงจะ ไปใหน กรูพร้อม!! ว่ามา..
“สิไปไสล่ะ” พี่ถามสำเนียงอีสาน แบบแปร่งๆ
(สำเนียงอีสานพี่ถนัด...เรียนมา โถ่ว์วว!!)
ออ.. สำเนียง อีสาน กับสำเนียงทางฝั่งลาว ศัพท์ หรือคำบางคำ ไม่เหมือนกันนะครับ
โดยส่วนตัวแล้วชอบ สำเนียงทางฝั่งลาวมากกว่า คล้ายๆ สำเนียงชาวเหนือบ้านเรานี่ละครับ
รากศัพท์ ไม่น่าจะห่างกันมาก
คือเอาง่ายๆ คุยรู้เรื่องละกัน จบนะ!
ปึ้ม (งงหนักมากตอนแรก) คือ = หนังสือ
เจี๊ย = กระดาษ
งาน = เวี้ยก
โด๋ยยย = ครับ/ค่ะ !! (น่าจะตัดทอนมาจากคำว่า “โด๋ยยข่าน้อย” ซึ่ง
แปลว่า ตอบรับ ขานรับ ครับ ค่ะ ไรประมาณนี้)
ผมว่าภาษาของเขา ไพเราะ น่าฟังที่สุด ไม่เหมือน สำเนียงไทยปนจีน อย่างอาแปะข้างบ้านผมสมัยตอนเป็นเด็กๆ
ฟังไม่รู้เรื่องกันเลยทีเดียว ความหมายก็กระโดด ไปไกลเป็นกิโลฯ
“อั๊วบอกห้ายลื้อ ไปเลียหน๋าสือ เลียหน๋าสือ”
เสียงอาแปะข้างบ้าน บ่นเสียงดัง ในเช้าวันหนึ่ง
เสียง ไอ้ตี๋ กำลัง
ร้องไห้หนักมาก (รุ่นน้อง ป.2 ตอนนั้นผมอยู่ ป.6) ผมเดินเข้าไปดู เห็นไอ้ตี๋น้อยกำลัง
นั่งร้องไห้
ก้มหน้าก้มตา ใช้ลิ้น เลียหนังสือ วิชา สปช. อยู่
“ก็นี่ไงอั๊วนั่งเลียอยู่ อาป๊า งื้อๆๆ”
โถว์วววไอ้ตี๋ ที่ป๊าเมิงบอก
คือ “ไปเรียนหนังสือ” ขอรับ ไอ้สลัด เฮ้ออออ!
นอกเรื่องมาไกลพอสมควร
ฮ่าๆๆ ถึงใหนแล้ว
ออ..
“เจ้าสิไปใส”
ผมถามสองหนุ่มน้อยนักแสวงโชคจากฝั่งลาว
“ไป๋เฮ็ดเวี้ยก อยู้กรุงเท้บ มีแนวได๋ให้เฮ็ด เฮาเฮ็ดเหมิ๊ด”
(คงไม่ต้องซับไตเติ้ลหรอกเน๊อะ ขี้เกียจ)
“อ้าว แล้วเข้าเมืองมายังไง ถูกกฎหมายบ่นิ อ้ายเห็น ตม.เพียบเลยมื่อนี่” ผมซักต่อ
น้องนักแสวงโชค เหงื่อตก คอยชะเง้อคอ ดูนายตรวจ กับ ตม.
“เฮามีแต่เจี้ยผ่านแด๋น ฮบกวนเจ๊าซ่อยเฮาได่บ๊อ ว่าเฮาเป็นเสี่ยวเจ๊า” (อ่าวไอ้ฉิบหาย หาคุกให้กูแล้วมั๊ยล่ะ)
“บ่ๆอ้ายลงน้ำพอง ขอนแก่น อ้ายบ่ยุ่งดอก เรื่องนี้” ผมรีบ
คว้างงูให้พ้นคอ
แล้วบทสนทนาก็จบลง เสียงแต๊กๆๆ ของนายตรวจเริ่มดังเข้ามาเรื่อยๆ
น้องชายชาวลาวสองคน ที่นั่งเบาะหน้าผม
เริ่ม ม้วนๆอะไรบางอย่างในมือ
เหงื่อกาฬแตกพลัก สีหน้าไม่สู้ดี เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ ที่ม้วนๆในมือ น่าจะเป็นแบงค์พัน คนละใบ
“ยัดเงินแล้วจะรอดบ่น้อง” ผมสังเวชปนเห็นใจ
“กะบ๊อแน้ได๋ ถ่าผ่าน
กะได้เฮดเวี้ยก บ๊อผ่าน กะได่คืนเมือบ้าน”
เสียงตอบ ขอทั้งความเห็นใจ และ ความหวัง
ผมหันกลับไปมองนายตรวจ พร้อม ตำรวจรถไฟ ที่กำลังเดินมาถึง
ผู้โดยสาร
ต่างยื่นตั๋วพร้อมบัตรประชาชนกันทุกคน
ผมไม่สามารถ ทนนั่งอยู่ตรงจุดนั้นได้หรอกครับ อดสงสารไม่ได้
“ส่งตัวกลับอย่างเดียว” เท่าที่ผมคิด
“โชคดีเด้อ อ้ายออกไปสูบยาก่อน”
ผมกล่าวคำอำลาพร้อมลุกเดินเข้าหานายตรวจกับตำรวจรถไฟ
ผมกล่าวคำอำลาพร้อมลุกเดินเข้าหานายตรวจกับตำรวจรถไฟ
เฮ้ยยยย!! ไม่ได้ไปฟ้องเขาครับ แค่ ไปให้เขาตรวจเร็วขึ้น เพราะอีกไม่กี่สถานี
ผมก็ต้องลงแล้ว
ผมออกมายืนมองดู อยู่ระหว่างตู้โดยสาร ตำรวจรถไฟ ถึงน้องสองคนนั้นแล้ว…..
คงไม่ต้องเล่าต่อนะครับ
คงไม่ต้องเล่าต่อนะครับ
“.....โชคดีเด้อ บักหล่า คราวหน้า มาให้ถูกกฎหมายเด้อ”..ผมอวยพรในใจ
ป.ล. ภาษาอาจผิดหรือเพี้ยนไปจากเจ้าของภาษา
ขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วย ด้วยความเคารพ

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น