(ใคร) ซ่อน-หา
ปิดเทอมใหญ่
งานหลักของพวกเราคือ "เลี้ยงควาย" เด็ก ป.5-ป.6 ตามบ้านนอกจะทำอะไรได้
สมัยนั้นไม่มีร้านเกมส์
ไม่มีเครื่องเพล์สเตชั่นให้เล่นกันหรอกครับ
ตื่นแต่เช้า
แม่ห่อข้าวกับทอดปลาแห้ง ปลาร้าบอง ใส่ในย่ามเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
ผมแหกขี้ตาต้อนอีทุยกับลูกของมันออกไปสมทบกับเพื่อนๆที่
หนองยาง
หนองน้ำที่ใหญ่ที่สุดประจำหมู่บ้าน ก็ไม่ไกลจากชุมชนเท่าไรนัก ผ่านไร่มัน ป่าช้า
แล้วก็หนองยาง ราวๆสัก 3-4กิโลเมตร
ผมไปถึง
"ไอ้สำ" เพื่อนผม ก็สร้างแลนด์มาร์คเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ผม ผูก
ล่าม อีทุย ไว้ใกล้ๆกับแลนด์มาร์คของมัน
ไอ้สำ
มีควายอยู่ในอาณัติของมันอยู่ 3ตัว
มันถึงต้องตื่นเช้ากว่าผม รีบมาจับจองพื้นที่ก่อนใคร
เพื่อนๆเริ่มทยอยกันมา กว่าจะครบแก๊งค์ก็เกือบเที่ยง จัดการปลาทอด
ปลาร้าบองเป็นอาหารกลางวัน นอนตีพุงกันสักพัก พวกเราก็เริ่มงาน งานหลักของพวกเราคือ
เลี้ยงควาย ยิงนก ตกปลา
และเล่นซ่อนหา ตามประสาเด็กบ้านนอก วันนั้นเดอะแก๊งค์มี
5คน ไอ้สำ ไอ้ปาน ไอ้ชัย ไอ้หลอด
แล้วก็ผม บ่ายเราก็ออกล่า
อาวุธคู่กายพร้อม หนังสะติ๊ก กับกระสุนดินเหนียว
ปั้นกลมๆพอเหมาะแล้วตากแห้งไว้
มีอยู่เต็มย่าม
ไอ้หลอด : เฮ้ย พวกเราเริ่มเว้ย มาๆๆ โอน้อยออกกัน
ออกล่าของพวกเรานั้นหมายถึง
เล่นซ่อนหาไปด้วย เจอนก เจอหนูก็ยิงไปด้วย ประมาณนั้น
บริเวณที่เราเล่นก็แถวๆหนองน้ำ
ไร่มัน ใกล้ๆป่าช้านั่นล่ะครับ วันนั้น ไอ้ชัย หาตัวยากมากกว่าใครเพื่อน จนหาไม่เจอยอมแพ้กันไปทุกคน
ใครยอมแพ้ต้องตะโกนบอกเพื่อนๆด้วย
ผม : ยอมแพ้แล้วโว้ย ไอ้ชัย ไอ้ห่า กูขี้เกียจหาแล้ว
มึงออกมาเถอะ
ผมตะโกน พลางเก็บกิ้งก่าที่ยิงหล่นลงบนหัวไอ้ปาน
ใส่ในย่าม
ไอ้ปานนั่งรออย่างหัวเสีย อกสั่น ขวัญหาย
ไอ้ปาน : ถ้ากูไม่ตกใจกับกิ้งก่ามึง
มึงก็หากูไม่เจอหรอกเว้ย
ไอ้ปานกลัวกิ้งก่า
ตอนตกใส่หัวมัน กรี๊ดแต๋วแตก จนไอ้สำ กับไอ้หลอดหัวเราะลั่น
ผมเลยเจอไอ้พวก3ตัวบาทนี่ก่อน
ไม่กี่นาที
ไอ้ชัยก็โผล่มายังจุดรวมพล รอบต่อไปไอ้ปานเป็นคนหา
ก่อนที่จะวิ่งไปซ่อนกัน
ผมกับไอ้หลอด ดึงตัวไอ้ชัยไว้
ไอ้หลอด : ชัยมึงไปซ่อนที่ไหนวะ พวกกูไปด้วยสิ
ไอ้ชัยยิ้มเยาะ
ไอ้ชัย : กูเข้าไปในป่าช้า พวกมึงกล้าไปมั๊ยล่ะ
ผมกับไอ้หลอดร้อง
”เหี้ย” หนักมาก
ผม : พวกมึงไปเหอะ กูไม่เล่นด้วยหรอก กูกลัวผี
ป่าช้าที่นั่น
คือ ป่าจริงๆ กองฟอนเผาศพยังมีควันกรุ่นๆในบางวัน
เบ้าซีเมนต์หลอม ตั้งสีขาวหม่นๆ
อยู่ทั่วป่า คือถ้าตายห่าจะเผา ตายโหง
จะใส่ไว้ในเบ้าหล่อซีเมนต์ครบ100วันแล้วค่อยทุบเบ้าเผา ตามจารีตของหมูบ้าน ไม่มีต้นไม้ใหญ่
มีต้นสูงสุดก็แค่ไม่เกิน 3เมตร
นับได้ไม่ถึง10ต้น เป็นที่ดอน มีหญ้าสูงแค่เข่าขึ้นแซมบ้างเป็นจุดๆ ถ้าผ่านตอนกลางคืน
จะมองเห็นเบ้าซีเมนต์ อย่างชัดเจน สีขาวของเบ้าต้องแสงจันทร์
ชวนขนลุกยิ่งนัก
พ่อเคยพาไปธุระปั่นจักรยานผ่านตอนมืดๆ ผมหลับตาทุกครั้ง
และมีความรู้สึกวูบๆ
ที่ท้ายทอยทุกที บรึ่ยยยย!!
พื้นที่ป่าช้าน่าจะ3สนามฟุตบอลเห็นจะได้
รอบๆป่าช้า คือไร่มันที่พวกเราวิ่งเล่นกันนี่ล่ะครับ
พวกเรายังคงเล่นกันอย่างสนุกสนานตามปกติเหมือนทุกวัน
วันนี้ ไอ้ชัย ไม่เคยแพ้สักที
ผมว่า ไอ้ปานกับไอ้สำก็น่าจะรู้ที่ซ่อมมัน
แต่ทุกคนก็ยอมแพ้ทุกรอบ
ไม่มีใครกล้าเข้าไปหามันในป่าช้าเหมือนกัน
ตะวันเริ่มระยอดไม้
พวกผมไม่มีนาฬิกากันหรอกครับ ดูดวงตะวันแล้วกะเอา ว่าเวลาเท่าไร
ไอ้ปาน : เฮ้ยกลับบ้านเว้ยพวกมึง วันนี้กูได้นก3ตัวกับงูสิงอีก1
ได้มื้อเย็นให้พ่อกูแล้ว
ไอ้ปานยิ้มกริ่มมาทางผม
(อี๋ยย...) มันรู้ว่าผมกลัวงู
มันคงจะเอาคืนเป็นแน่แท้
“ไอ้เชี่ย..” ผมสบถเบาๆกับตัวเอง
พยายามเดินห่างๆมันให้ไกลที่สุด
พวกเราต้อนควายในอาณัติลงอาบน้ำที่หนองยาง
กว่าจะเสร็จก็เย็นย่ำ แดดผีตากผ้าอ้อม ลอดเล็ดผ่านต้นไม่ใหญ่
ถึงเวลากลับบ้านของพวกเรา ไอ้สำ นำขบวน ต่อด้วยผม ไอ้หลอด ไอ้ปาน ไอ้ชัยรั้งท้าย
ทุกคนต่างตะโกน เล่า(โม้) วีรกรรม ของตัวเองในวันนี้ ว่าได้นกตัวนี้มายังไง ได้กระต่าย
ตรงไหน
พากันกระโดดไปบนหลังควายแต่ละตัว เพื่อไปดูผลงานซึ่งกันและกัน
แน่ล่ะ ผมไม่ไปดูผลงานของไอ้ปานหรอก
ผ่านป่าช้า พวกเราเงียบกริบ
ต่างคนต่างมองไปทางจุดอื่นหลีกเลี่ยงไม่มองเข้าไปในป่าช้านั่น
ถึงบ้านก็เริ่มมืด
ต้อนควายเข้าคอกเสร็จก็อาบน้ำ นำทุกสรรพสัตว์ในย่าม
ไปให้แม่ประกอบอาหารเย็นกินกัน
กำลังกินข้าวกันอยู่เลย
ลุงชิตพ่อไอ้ชัย วิ่งหน้าตาตื่นมาถามผม
“เอ็งเห็นไอ้ชัยมั๊ยไอ้หนู
มันยังไม่กลับบ้าน กลับมาแต่ควายนิ” ลุงชิตถามสีหน้ากังวลยิ่งนัก
ผมส่ายหน้า
มองดูพ่อกับลุงชิตคุยกัน สักพักพ่อก็รีบ ออกไปพร้อมลุงชิต ถือตะเกียงแก๊ส กับกะบอกขี้ไต้
ตามลุงชิตกับผู้ใหญ่อีก4-5คน ไปตามหาไอ้ชัย พวกเขาหาไอ้ชัยกันค่อนคืนถึงเจอตัว
พ่อกลับมาเล่าให้แม่ฟังว่า
“เลยป่าช้ามามีต้นไม้ใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง
เจอมันที่นั่น แต่ก็แปลกนะ พ่อกับลุงไปตะโกนหาแถวนั้นก็ไม่เจอ จนลุงหมอธรรม(หมอดู/ร่างทรง)
ว่าคาถาอะไรสักอย่างนี่ล่ะ เดินไปอีกที เจอมันนอนอยู่โคนต้นไม้”
ผมยังไม่หลับ
ได้ยินที่พ่อกับแม่คุยกัน
“ลุงชิตปลุกเท่าไรก็ไม่ตื่น
จนได้อุ้มมาพรมน้ำมนต์ที่บ้าน
ลุงหมอธรรมถามมันหลังจากที่ตื่นแล้วมันเล่าให้ฟังว่า
มีเด็กกลุ่มหนึ่งเรียกมันมาเล่นซ่อนหาด้วยหลังต้นไม้นั่น
ไอ้ชัยก็กระโดดลงจากหลังควาย
แล้วก็เล่นกับเด็กกลุ่มนั้นไปสักพัก ก็ไม่รู้สึกตัวเลย”
ไม่รู้ว่า พ่อกับแม่คุยอะไรกันต่อ
ผมหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
ตื่นมาแม่มาเล่าให้ฟังอีกที
แม่บอกว่า
“ค่ำๆมืดๆ
ถ้าเจอใครทัก หรือชวนไปเล่นด้วย ถ้าไม่รู้จักเขา
อย่าไปเผลอขานรับ หรือเข้าไปหา”
แม่เล่าให้ฟังอีกว่า
“ไอ้ชัยเจอผีเจ้าที่หลอก
จะเอามันไปอยู่ด้วย มันโดดลงจากหลังควาย
ก็ไม่เห็นพวกผมอีกเลย มีแต่กลุ่มเด็กๆที่เรียกมันมา
เหมือนอยู่ในงานวัด
มันเล่นซ่อนหากับเขาได้แค่รอบเดียว
ก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย
ได้ยินเสียงพ่อ เสียงลุงชิตเรียกชื่ออยู่ แต่ขยับไม่ได้
ตะโกนตอบก็ไม่มีเสียง
รู้สึกตัวอีกทีก็โดนน้ำมนต์ลุงหมอธรรมที่บ้านแล้ว”
หลังจากวันนั้นก็เปิดเทอม
ผมไม่ได้เจอไอ้ชัยอีกเลย จนจบป.6 ผมก็ย้ายโรงเรียน
__________________________________________
จบครับ 23.42 น. นั่งพิมพ์ไปขนลุกไป
ภาพประกอบจาก Internet

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น