คุณน้า


เสียงหมาหอน โหยหวนชวนขนลุก ดังขึ้นเป็นระยะๆ ในระหว่างที่ผมเดินตามหลัง “คุณน้า”
เพื่อเข้าที่พักในวันแรกของผม คุณน้าไปรับผมถึงบ้าน เพื่อมาอยู่กับท่าน ในอีกหนึ่งจังหวัดเราใช้เวลาเดินทางกันตั้งแต่เช้า ถึงที่หมายก็ค่ำมืดแล้ว เด็กอายุ12ปี จะประสีประสาอะไรกับความมืด "กลัว" เป็นเรื่องธรรมดา แล้วยิ่งเป็นสถานที่ ที่ไม่คุ้นเคย
และ อึ๋ยยยย!! (อ่านต่อครับ)

เงาตะคุ่มๆของไม้ยืนต้นที่สูงชะลูด ทำให้จินตนาการถึงผีเปรตขายาว
เหมือนกับที่เคยดูในละครทีวี
เสียงซู่ๆของลมพัดยอดของมัน ดังแหลมหวีดหวิวเข้ากับจินตนาการยิ่งนัก
ใครจะว่าผมตาขาว เชิญตามสบายไม่ไปยืนตรงนั้น คุณไม่รู้หรอก

จบประถมปีที่6 ผมก็มีอันต้องพลัดพรากจากบ้าน ครอบครัว ผู้เป็นแม่ ฝากฝังให้น้องชายท่าน(คุณน้าที่ผมเดินตามท่านอยู่นี่ล่ะครับ) ช่วยดูแลตัวผมและหวังพึ่งพาให้คุณน้า ช่วยหาโรงเรียนให้ผมเรียน สมดั่งใจอยากอีกด้วย

“เอามันไปเลี้ยงหน่อย” ดูสิครับแม่ผม เฮ้อ!
ผมไม่เคยว่าท่านหรอกครับ เพราะลำพังที่บ้านผม น้องๆอีก3คนยังเล็กๆอยู่นัก ผมเข้าใจความลำบากของท่าน

“รีบๆเข้าฝนฟ้ากำลังจะตก” คุณน้าปรามเพราะเห็นผมเริ่มจะเดินอ่อยเอื่อย
เพราะกลัวสถานที่เบื้องหน้าโธ่! จะไม่ให้กลัวได้ยังไงล่ะครับ ก็ที่พักที่ว่า มันต้องเดินผ่านป่าช้า 3-400เมตรเลยนะ
ป่าช้านะครับ ไม่ใช่สวนสนุก

คิดแล้วยังอดสงสัยไม่หาย “ นี่ผมคิดผิดหรือเปล่าที่มากับคุณน้า”

ที่พักของน้าเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว สร้างแค่พออยู่กันแดดฝน
ที่สำคัญ ห้องน้ำแยกออกจากตัวบ้านเหอะๆ ลำพังเดินเข้าบ้านผ่านป่าช้าไม่พอ
นี่ห้องน้ำยังมาแยกออกจากตัวบ้านอีก ปวดหนัก-เบาช่วงกลางคืน จะทำไงดีล่ะครับ

เอาน่าผมกัดฟันสู้ อย่างน้อยคุณน้าจะต้องส่งเราเข้าเรียน อดทนไว้นะ เพราะถ้าอยู่กับแม่โอกาสได้เรียนต่อมีน้อยมาก

คืนแรกผ่านไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง คุณน้าเป็นคนนอนดึกตื่นเช้า
ตี4ท่านก็ตื่นแล้ว ทุกวันต้องลุกมากวาดบริเวณที่พัก ผมเลยจำเป็นต้องลุกตามไม่อย่างนั้นก็คงโดนด้ามไม้กวาด แพ่นกะบาลเป็นแม่นมั่นล่ะเกลอเอ๋ย

ตะวันเริ่มแยงก้นใครหลายๆคน ผมก็เริ่มอาบน้ำเตรียมตัวเดินทางตามคุณน้าเข้าไปในตัวหมู่บ้าน เพราะที่เราพักอยู่
เป็นชายป่าท้ายหมู่บ้านครับ ไม่ไกลครับ เดินไป-กลับ2กิโลเหนื่อยหลังจากทีเรากลับมาจากหมู่บ้าน และ จัดการอาหารเช้าเสร็จ
คุณน้าก็เริ่มเข้าป่าหลังห้องพักห่างกันประมาณ 30เมตร
ผ่านป่ากล้วย และดงไผ่หวาน มีกระท่อมเล็กๆ ท่านชอบนั่งสมาธิครับไปนั่งทุกวัน และกำชับผมให้อ่านหนังสือ จะพาไปสอบเรียน

“อยู่ที่ลานหน้าห้องพัก ห้ามไปไหน เตรียมตัวสอบเข้าเรียน”
ท่านกล่าว แล้วก็หาตำรา มาให้ผมท่องจำและ ห้ามไปรบกวนท่านอย่างเด็ดขาดมีอยู่วันหนึ่งมีคนมาหาคุณน้า ผมเลยไปเรียกท่าน สิ่งที่ผมมองเห็นไกลๆ คือ
มีผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดไทย ห่มสไบสีเขียวอ่อน นั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้าคุณน้าผม ที่กำลังหลับตาทำสมาธิ พอผมไปถึง หญิงสาวคนนั้นก็หายไป

“เธอมองหาใคร” คุณน้าถามผมสีหน้าเรียบเฉย หรือว่าผมตาฝาดไป

“เอ่อ..เปล่าครับ ไม่มีอะไร มีคุณตามาหาน้าน่ะครับ แกบอกมีเรื่องด่วน รออยู่ที่ลานนู้น”
ผมเลิกลั่ก รีบบอกไป

คุณน้าพยักหน้ารับช้าๆ ก่อนเดินไปหาคุณตาผู้มาเยือนส่วนตัวผม เดินก้มหน้า ตามท่านอยู่ห่างๆ
ตาเจ้ากรรมเหลือบแลเห็นสไบสีเขียว ปลิวเลือนๆอยู่ตรงหน้า ขนหัวลุกชัน ขนคอตั้งเป็นแผง ผมกัดฟันขยี้ตาเงยหน้ามองให้ชัดๆเงาลางๆของผู้หญิง ห่มสไบ ผมยาวถึงกลางหลังหยุดชะงัก แล้วเลือนหายไป

ขี้เยี่ยวแทบเล็ดคุณๆเอ๋ย ผมวิ่งเข้าห้องพัก คลุมโปงทั้งๆที่เป็นบ่ายแก่ๆแดดอ่อนๆ

คุณน้าเข้ามาบอกว่า ท่านจะออกไปกับคุณตาที่หมู่บ้าน ให้ผมรออยู่ที่นี่ผมเงียบกริบ ไม่เล่าให้คุณน้าฟังสักแอะเดียว ท่านกลับมาก็เย็นย่ำ
ปล่อยให้ผมนอนรออยู่ห้องพักคนเดียวที่รอบๆมีแต่ป่าช้า
กับเสียงกรอบแกรบของใบไม้ เหมือนมีคนเดินอยู่รอบๆบริเวณที่พัก บรึ่ยยย!

“เธอเห็นอะไรก็บอกฉันนะ จะได้หาทางแก้ไขให้”
ท่านบอก หลังจากที่เห็นอาการของผมเป็นแบบนั้น ผมไม่กล้าจริงๆครับ ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักรับคำไป แล้วท่านก็พาไหว้พระสวดมนต์

“อืม ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว เธอนอนไปก่อนนะ ฉันจะไปสมาธิที่กระท่อม อาจจะถึงเช้า”
คุณน้าบอก หลังจากสวดมนต์บทสุดท้ายเสร็จ แล้วท่านก็เดินออกไป จากห้องไป

ผมลุกไปปิดประตูห้อง มองตามหลังท่าน มีแสงไฟนวลๆบางตา สีขาวบ้าง สีเขียวบ้าง
วิบวับ สลับกันอยู่2ดวงลางๆตามหลังคุณน้าไป
ผมรีบปิดประตู งัดทุกบทสวดมนต์ที่ท่องได้ เผลอหลับตอนไหน ไม่รู้ตัว
ภาพหญิงสาวห่มสไบสีเขียวอ่อน หลอกหลอนผมในฝัน ทั้งคืน คุณพระคุณเจ้า! ซ่อยข่อยแน ฮื้อๆๆ

ตื่นมาอีกที ก็ได้ยินเสียงคุณตาคนเมื่อวานมาเรียกที่หน้าห้องพัก ผมลุกไปเปิดประตู

“พระคุณเจ้าครับ พระคุณเจ้า อ้าว เณร พระคุณเจ้าท่านตื่นจากจำวัดหรือยังครับ”
คุณตาเอ่ยถาม

“ กระผมมานิมนต์ท่านไปรดน้ำมนต์สีกาที่ผีเข้าเมื่อวานน่ะครับ”
เฮ้ออ คุณตาไม่ต้องบอกก็ได้มั้งครับ

“ตารอนี่ล่ะเดี๋ยวผมไปเรียกมาให้” ผมงัวเงีย แล้วเดินไปกระท่อมท้ายกุฏิ

“น้าครับ น้าครับ ตาคนเมื่อวานมาหาครับ”

ผมตะโกนบอกคุณน้าก่อนที่จะเห็นชายในชุดม่อฮ่อมสีเทาร่างใหญ่ ค่อยๆเลือนหายไปจากตรงหน้าของท่าน (อ๊าคคคคคคคเอาอีกแล้วตู)

“เณร...เธอต้องเรียกฉันว่า หลวงน้า ไม่ใช่น้าเฉยๆ แล้วคุณตาท่านนั้น เธอต้องเรียกเขาว่าโยม”

คุณน้าสอน เอ้ยย หลวงน้าสอน สีหน้าเรียบเฉยเหมือนเช่นทุกครั้ง
เฮ้อออ ผมคิดผิดจริงๆครับคุณผู้อ่าน ไม่น่ามากับหลวงน้าเลย
..หลังจากวันนั้นมา หลวงน้าก็ส่งเณรกลับหาโยมแม่สงสัยท่านจะกลัวผมประสาทหลอนเสียก่อนได้ร่ำเรียน
พอถึงบ้านโยมแม่ก็ให้สึกไปสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยม

**(เขาเรียนกันไปจะ3เดือนแล้ว ไอ้เณรเอ้ยย จะทันเพื่อนๆไหมนิ?)**


ภาพประกอบจาก internet


  

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

จัน.. เอาน้ำแข็งมาถูหลังฉันหน่อยสิ ??!!

หมวย